“วิธีทานของหวานแต่ได้รับผลเสียจากน้ำตาลน้อยลง”
![Image](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjYruXIIdBxaV89n56fX4T99SEwN_xKREUL7n3gvy4YgNMq4EuYgvMvZMgk_KEDWR9Q8v-idC2GjygJdxzSgiYm9a1QaueEyZm0DdmPnCHlEeuta2v0gzxDbuaAA8B23cofHPn3bAET0SEj/s1600/%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B3%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25AD3.jpg)
เพิ่มคำอธิบายภาพ “ วิธีทานของหวานแต่ได้รับผลเสียจากน้ำตาลน้อยลง ” ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน มีผู้คนมากมายแสวงหายาอายุวัฒนะเพื่อใช้บำรุงร่างกายให้แข็งแรงและมีอายุยืนยาว หลักฐานทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ระบุว่า “ การควบคุมอาหารหรือแคลอรี่ที่ได้รับต่อวันในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ให้มากหรือน้อยเกินไป ” เป็นหนึ่งในวิธีชะลอวัยที่ได้ผลดีที่สุด แม้ว่าผลดีของการควบคุมอาหารเป็นเรื่องที่รู้กันดี แต่ในความเป็นจริงเราไม่สามารถบังคับให้คนเลิกทานของหวาน และยากจะห้ามไม่ให้คนทานอาหารเกินปริมาณที่เหมาะสมได้ทุกวัน (แม้แต่บุคลากรทางการแพทย์เองก็ตาม) ไม่เช่นนั้นคงไม่มีคนป่วยเบาหวานมากขึ้นทุกปี เมื่อความหวานเป็นความสุขที่ทำให้หลายคนยอมพลีชีพ แม้จะรู้ว่าทานแล้วเป็นการฆ่าตัวตายอย่างช้าๆ จึงเกิดการวิจัยเพื่อหาวิธีให้เราทานเค้กหรือขนมหวานโดยทำร้ายสุขภาพน้อยลง หนึ่งในแนวคิดที่น่าสนใจคือ “ การค้นหาสารที่ออกฤทธิ์คล้ายกับการควบคุมอาหาร ” * สารที่ออกฤทธิ์คล้ายกับการควบคุมอาหาร ( Calorie restriction mimetic หรือ dietary restricti...