“วิธีทานของหวานแต่ได้รับผลเสียจากน้ำตาลน้อยลง”
เพิ่มคำอธิบายภาพ |
“วิธีทานของหวานแต่ได้รับผลเสียจากน้ำตาลน้อยลง”
ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน มีผู้คนมากมายแสวงหายาอายุวัฒนะเพื่อใช้บำรุงร่างกายให้แข็งแรงและมีอายุยืนยาว
หลักฐานทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ระบุว่า “การควบคุมอาหารหรือแคลอรี่ที่ได้รับต่อวันในปริมาณที่เหมาะสม
ไม่ให้มากหรือน้อยเกินไป” เป็นหนึ่งในวิธีชะลอวัยที่ได้ผลดีที่สุด
แม้ว่าผลดีของการควบคุมอาหารเป็นเรื่องที่รู้กันดี
แต่ในความเป็นจริงเราไม่สามารถบังคับให้คนเลิกทานของหวาน และยากจะห้ามไม่ให้คนทานอาหารเกินปริมาณที่เหมาะสมได้ทุกวัน
(แม้แต่บุคลากรทางการแพทย์เองก็ตาม) ไม่เช่นนั้นคงไม่มีคนป่วยเบาหวานมากขึ้นทุกปี
เมื่อความหวานเป็นความสุขที่ทำให้หลายคนยอมพลีชีพ
แม้จะรู้ว่าทานแล้วเป็นการฆ่าตัวตายอย่างช้าๆ จึงเกิดการวิจัยเพื่อหาวิธีให้เราทานเค้กหรือขนมหวานโดยทำร้ายสุขภาพน้อยลง
หนึ่งในแนวคิดที่น่าสนใจคือ “การค้นหาสารที่ออกฤทธิ์คล้ายกับการควบคุมอาหาร”
*สารที่ออกฤทธิ์คล้ายกับการควบคุมอาหาร (Calorie restriction mimetic หรือ dietary restriction mimetic) มีคำจำกัดความกว้างๆว่า เป็นสารที่มีผลชะลอวัย ส่งผลดีต่อสุขภาพ และช่วยยืดอายุขัย คล้ายกับการควบคุมอาหาร (โดยที่ไม่ได้ควบคุมอาหาร)
WHO แนะนำว่าคนทั่วไปควรได้รับพลังงานประมาณวันละ
2,000 แคลอรี่ และควรทานน้ำตาลน้อยกว่า 25 กรัมต่อวัน หรือไม่เกิน 6 ช้อนชา ซึ่งคิดรวมทั้งน้ำตาลที่เติมลงไปในอาหารหรือเครื่องดื่ม
(added sugar) น้ำตาลในน้ำจิ้ม และน้ำตาลจากผลไม้
หรือน้ำผลไม้ด้วย
แน่นอนว่าหลายคนไม่สามารถจำกัดปริมาณแคลอรี่
และน้ำตาลตามที่ WHO แนะนำได้ (เค้ก 1 ชิ้น หรือ เครื่องดื่มบางชนิดขวดเดียวก็เกินแล้ว) จึงเกิดผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว
สารที่ออกฤทธิ์คล้ายการควบคุมอาหารสามารถช่วยลดผลกระทบจากการรับประทานมากเกินไปได้
ดังนั้นสารเหล่านี้จึงอาจเรียกได้ว่าเป็นยาอายุวัฒนะในยุคที่วิทยาศาสตร์การแพทย์มีความก้าวหน้า
ผลของการรับประทานสารที่ออกฤทธิ์คล้ายกับการควบคุมอาหาร
จะทำให้การสะสมไขมัน การเพิ่มขึ้นของน้ำหนัก และความเสี่ยงในการป่วยเป็นโรคเรื้อรังลดลง
ปัจจุบันยังไม่แน่ชัดว่าสารที่ออกฤทธิ์ผ่านกลไกใดเหมาะสมที่สุดสำหรับการนำมาใช้เป็นสารที่ออกฤทธิ์คล้ายกับการควบคุมอาหาร
แต่พบว่ามีกลไกในการออกฤทธิ์ที่เชื่อมโยงกับการยืดอายุสิ่งมีชีวิต เช่น
การออกฤทธิ๋ผ่านการกระตุ้น AMPK, sirtuin หรือ MTOR ซึ่งถือเป็นเป้าหมายที่น่าสนใจในการวิจัยและพัฒนาสารชะลอวัยเหล่านี้
ตัวอย่างสารที่ออกฤทธิ์คล้ายกับการควบคุมอาหาร
1) ยารักษาเบาหวาน Metformin
แม้ว่าจะมีการพัฒนายาต้านเบาหวานขึ้นมาหลายชนิด
แต่สิ่งที่ทำให้ Metformin
เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งในการรักษาเบาหวาน (first-line drug)
เพราะยาชนิดนี้ทำได้มากกว่าการลดระดับน้ำตาลในเลือด จากงานวิจัยพบว่าผู้ป่วยที่ได้รับยาชนิดนี้จะมีอายุยืนยาวขึ้นและมีความเสี่ยงจากการเสียชีวิตจากระบบหัวใจและหลอดเลือดน้อยลง
เพราะฉะนั้นหากคุณเป็นเบาหวานหรือมีคนใกล้ชิดเป็นเบาหวาน การไม่รับประทานยาชนิดนี้ตามคำแนะนำของแพทย์แล้วไปหันไปหาทางเลือกในการรักษาอื่น
ถือว่าเป็นข้อผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง (ยกเว้นมีข้อห้ามใช้)
2) อาหารเพื่อสุขภาพสไตล์โอกินาวา
ชาวโอกินาวามีชื่อเสียงในเรื่องการดูแลสุขภาพได้ดี
และมีอายุที่ยืนยาวที่สุดในโลก ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากอาหารที่รับประทาน ในอาหารของชาวโอกินาวามักจะมีเครื่องเทศและสมุนไพรผสมอยู่
ตัวอย่างวัตถุดิบที่ใช้บ่อย ได้แก่ มันเทศ มะระ ขมิ้น ขมิ้นขาว พริกไทย ขิง
และถั่ว วัตถุดิบเหล่านี้มีสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ สารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ หรือ
สารอื่นที่มีคุณสมบัติเป็นสารที่ออกฤทธิ์คล้ายกับการควบคุมอาหารอยู่ สิ่งที่น่าสนใจคือวัตถุดิบหลายชนิดสามารถหาได้และมีการใช้ในประเทศไทยเช่นกัน
3) สารในกลุ่มโพลีฟีนอลอื่นๆ (Polyphenols)
สารในกลุ่มโพลีฟีนอลในผักและผลไม้หลายชนิดเป็นสามารถออกฤทธิ์คล้ายกับการควบคุมอาหารได้
ในผลไม้และน้ำหวานมีน้ำตาลเหมือนกันแต่ทานแล้วอาจจะได้ผลลัพธ์ไม่เหมือนกัน เพราะการทานผลไม้ทำให้เราได้รับคุณประโยชน์อื่นจากผลไม้ไปด้วย
เช่น สารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ และสารในกลุ่มสติลบีนอยด์ จึงเป็นสาเหตุให้กลุ่มผู้ที่ทานผลไม้ทดแทนการทานอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล
มักจะสามารถควบคุมน้ำหนักได้และมีสุขภาพดี
แม้จะได้รับปริมาณคาร์โบไฮเดรตใกล้เคียงกัน
แต่สำหรับผู้รับประทานอาหารประเภทแป้งและน้ำตาลเยอะอยู่แล้ว
น้ำตาลจากผลไม้ก็อาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพและการควบคุมน้ำหนักได้เช่นกัน จึงอาจเลือกรับประทานสารในกลุ่มโพลีฟีนอลจากพืชผักที่มีน้ำตาลน้อยกว่าแทนผลไม้
เพื่อจำกัดปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับไม่ให้มากเกินไป
คำแนะนำจากเรา
- หากเป็นไปได้ควรจำกัดปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับต่อวันให้เหมาะสม
และควรได้รับน้ำตาลน้อยกว่า 6 ช้อนชาต่อวัน ตามคำแนะนำของ WHO
- การควบคุมอาหารเพื่อสุขภาพไม่ใช่การจำกัดแคลอรี่และน้ำตาลที่ได้รับให้น้อยที่สุด
ต้องคำนึงถึงการได้รับสารอาหารเพียงพอต่อร่างกายด้วย (ไม่มากไม่น้อยเกินไป)
- หากต้องการทานน้ำหวานหรือขนมหวาน
อาจเลือกทานผลไม้สดแทน หรือทานน้ำผลไม้ที่ไม่ผ่านกระบวนการที่ทำให้สูญเสียสารสำคัญมากเกินไป
โดยหากเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงการเติมน้ำเชื่อม หรือน้ำตาลเพิ่มลงไปในน้ำผลไม้
- หากต้องทำหรือทานขนมหวาน
ควรลดอัตราส่วนแป้งและน้ำตาลลง เพิ่มรสชาติและความหวานโดยใช้ผลไม้สดแทน เช่น ส้ม
องุ่น หรือผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
- ในวันที่ทานแป้งหรือน้ำตาลเยอะแล้ว
การทานพืชผัก อาหารเสริม (บางชนิด) หรือยา (ตามความเหมาะสม)
อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการทานผลไม้เพิ่ม เนื่องจากปริมาณแคลอรี่และน้ำตาลที่ได้รับน้อยกว่า
- การรับประทานสารที่ออกฤทธิ์คล้ายกับการควบคุมอาหารสามารถช่วยชะลอวัย
ลดความเสี่ยงและชะลอการเกิดโรคได้
แต่ประสิทธิภาพอาจลดลงตามปริมาณแคลอรี่และน้ำตาลที่รับประทาน
รวมถึงขึ้นอยู่กับการดูแลสุขภาพ เช่น การพักผ่อนให้เพียงพอ และการออกกำลังกายด้วย
รูปภาพโดย Gibb
Corner
เรียบเรียงโดย Gibb
Corner
แหล่งอ้างอิง
Ingram & Roth (2015). https://doi.org/10.1016/j.arr.2014.11.005
Quideau (2014). doi: 10.1002/cbic.200300835
WHO (2015). https://www.who.int/nutrition/publications/guidelines/sugars_intake/en/
Willcox, B. J., & Willcox, D. C. (2014). doi:
10.1097/MCO.0000000000000019
Comments
Post a Comment